Lobo และคณะในปี 2010 กล่าวว่า สารต้านอนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่ช่วยป้องกันหรือชะลอความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ โดยอนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรซึ่งสามารถทำปฏิกิริยากับโครงสร้างเซลล์ต่างๆ ทำให้เกิดความเสียหายสะสม
การมีสารต้านอนุมูลอิสระในระดับที่เพียงพอช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายชนิด และชะลอกระบวนการแก่ก่อนวัยได้อีกด้วย
สารต้านอนุมูลอิสระมีอยู่ทั้งในอาหารและในร่างกายของเรา แหล่งอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่:
ผักและผลไม้หลากสี เช่น เบอร์รี่ ผักใบเขียวเข้ม และส้ม
ถั่วและเมล็ดพืช
ชาเขียวและชาดำ
ดาร์กช็อกโกแลต
จากการศึกษาของ Pham-Huy และคณะในปี 2008 ระบุว่า นอกจากนี้ร่างกายยังสามารถผลิตสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิดได้เอง เช่น กลูตาไธโอนได้อีกด้วย
จากงานวิจัยของ Rohdewald ในปี 2002 ระบุว่า Pycnogenol เป็นชื่อทางการค้าของสารสกัดจากเปลือกสนทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส (Pinus pinaster) ซึ่งอุดมไปด้วยสารประกอบฟีนอลิก โดยเฉพาะ procyanidins ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูง หรือ ความหมายคือ Pycnogenol นั้น เป็นหนึ่งในแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระนั่นเอง
การศึกษาวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของ Pycnogenol ต่อสุขภาพในด้านต่างๆ ดังนี้
งานวิจัยของ Gulati ในปี 2015 กล่าวว่า Pycnogenol ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดดำลงได้
จากการศึกษาของ Canali และคณะในปี 2009 ระบุว่า Pycnogenol มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังหลายชนิด
จากการศึกษาของ Grether-Beck ในปี 2016 ระบุว่า Pycnogenol ช่วยปกป้องคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวยืดหยุ่นและลดเลือนริ้วรอย
จากงานวิจัยของ Belcaro และคณะในปี 2013 ยังระบุอีกว่า Pycnogenol ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
Pycnogenol มีจำหน่ายในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การรับประทานเสริมอาหารที่มี Pycnogenol อาจช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม และจากการศึกษาของ Furumura และคณะในปี 2012ยังบอกอีกว่า การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มี Pycnogenol เป็นส่วนผสมอาจช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากแสงแดดและมลภาวะ
ข้อมูลอ้างอิง
Lobo, V., Patil, A., Phatak, A., & Chandra, N. (2010). Free radicals, antioxidants and functional foods: Impact on human health. Pharmacognosy Reviews, 4(8), 118-126.
Pham-Huy, L. A., He, H., & Pham-Huy, C. (2008). Free radicals, antioxidants in disease and health. International Journal of Biomedical Science, 4(2), 89-96.
Rohdewald, P. (2002). A review of the French maritime pine bark extract (Pycnogenol), a herbal medication with a diverse clinical pharmacology. International Journal of Clinical Pharmacology and Therapeutics, 40(4), 158-168.
Gulati, O. P. (2015). Pycnogenol® in venous disorders: A review. Phytotherapy Research, 29(3), 317-324.
Canali, R., Comitato, R., Schonlau, F., & Virgili, F. (2009). The anti-inflammatory pharmacology of Pycnogenol® in humans involves COX-2 and 5-LOX mRNA expression in leukocytes. International Immunopharmacology, 9(10), 1145-1149.
Grether-Beck, S., Marini, A., Jaenicke, T., & Krutmann, J. (2016). French Maritime Pine Bark Extract (Pycnogenol®) Effects on Human Skin: Clinical and Molecular Evidence. Skin Pharmacology and Physiology, 29(1), 13-17.
Belcaro, G., Cesarone, M. R., Genovesi, D., Ledda, A., Vinciguerra, G., Ricci, A., ... & Dugall, M. (2013). Pycnogenol® may alleviate adverse effects in oncologic treatment. Panminerva Medica, 55(3 Suppl), 1-8.
Furumura, M., Sato, N., Kusaba, N., Takagaki, K., & Nakayama, J. (2012). Oral administration of French maritime pine bark extract (Flavangenol®) improves clinical symptoms in photoaged facial skin. Clinical Interventions in Aging, 7, 275-286.