0

งานวิจัยใหม่ อัพเดทล่าสุด ของเลซิติน


2025-04-24 11:27:26
#ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร #เลซิติน #ผู้สูงอายุ #งานวิจัย

     เลซิติน (Lecithin) เป็นสารประกอบที่พบได้ทั้งในร่างกายมนุษย์และในอาหารหลายชนิด โดยเฉพาะเลซิตินจากดอกทานตะวันกำลังได้รับความสนใจอย่างมากในวงการอาหารเสริมและโภชนาการ 

     วันนี้เราจะมาอธิบายว่าทำไมเลซิตินจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพ กลไกการทำงานในร่างกาย และกลุ่มคนที่อาจได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการเสริมเลซิติน โดยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ทุกท่าน ได้ข้อมูลอย่างถูกต้องและครบถ้วน

เลซิตินคืออะไร ร่างกายต้องการหรือไม่

     เลซิตินเป็นไขมันประเภทฟอสโฟลิพิด (phospholipid) ที่พบในเซลล์ทุกเซลล์ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเยื่อหุ้มเซลล์ ตับ และเนื้อเยื่อประสาท องค์ประกอบสำคัญของเลซิตินคือฟอสฟาทิดิลโคลีน (phosphatidylcholine) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสมบูรณ์ของเยื่อหุ้มเซลล์และการขนส่งไขมัน

     ร่างกายสามารถผลิตเลซิตินได้เองในปริมาณหนึ่ง แต่การได้รับเพิ่มเติมจากอาหารหรืออาหารเสริมอาจเป็นประโยชน์ ตามการศึกษาในวารสาร Nutrients ในปี 2020 พบว่าการบริโภคเลซิตินเพิ่มเติมช่วยเสริมระดับฟอสฟาทิดิลโคลีนในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ

ประโยชน์ของเลซิตินต่อสุขภาพจากงานวิจัยต่างๆ

1. การทำงานของสมองและระบบประสาท

งานวิจัยสนับสนุน:

  • การศึกษาในวารสาร Journal of Clinical Biochemistry and Nutrition ในปี 2019 พบว่าผู้สูงอายุที่ได้รับฟอสฟาทิดิลโคลีน 1,200 มก. ต่อวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ มีคะแนนการทดสอบความจำและสมาธิดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก

  • งานวิจัยจากวารสาร Frontiers in Aging Neuroscience ในปี 2021 แสดงให้เห็นว่าการเสริมฟอสฟาทิดิลโคลีนอาจชะลอการเสื่อมของเซลล์ประสาทในแบบจำลองของโรคอัลไซเมอร์

2. สุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

     เลซิตินช่วยในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและการเผาผลาญไขมัน

งานวิจัยสนับสนุน:

  • การวิเคราะห์ในวารสาร Journal of the American College of Nutrition ปี 2021 ซึ่งรวบรวมผลการศึกษา 12 งานวิจัยทางคลินิก พบว่าการเสริมเลซิตินช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมและ LDL-คอเลสเตอรอล พร้อมทั้งเพิ่มระดับ HDL-คอเลสเตอรอล

  • การศึกษาในวารสาร Atherosclerosis ในปี 2019 พบว่าฟอสฟาทิดิลโคลีนช่วยลดการอักเสบของผนังหลอดเลือดและลดการสะสมของคราบพลาคในหลอดเลือดแดง

3. สุขภาพของผู้หญิงและการให้นมบุตร

     เลซิตินประโยชน์เฉพาะสำหรับมารดาที่ให้นมบุตรในการป้องกันท่อน้ำนมอุดตัน

งานวิจัยสนับสนุน:

  • การศึกษาทางคลินิกในวารสาร Breastfeeding Medicine ในปี 2022 ได้ติดตามมารดาที่ให้นมบุตร 200 คน พบว่ากลุ่มที่ได้รับเลซิตินจากทานตะวัน 4,800 มก. ต่อวันมีอัตราการเกิดท่อน้ำนมอุดตันลดลง 58% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก

  • การศึกษาในวารสาร Maternal & Child Nutrition ในปี 2021 พบว่าเลซิตินช่วยปรับปรุงความหนืดของน้ำนมและช่วยให้การไหลของน้ำนมดีขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการให้นมบุตร

กลุ่มคนที่อาจได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเสริมเลซิติน

กลุ่มคนที่อาจได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเสริมเลซิติน

1. ผู้สูงอายุ

     เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตฟอสฟาทิดิลโคลีนในร่างกายจะลดลง ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพสมองและการทำงานของตับ การเสริมเลซิตินอาจช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ประสาทและรักษาการทำงานของตับ

งานวิจัยสนับสนุน: 

  • การศึกษาในวารสาร Aging Clinical and Experimental Research ในปี 2022 พบว่าผู้สูงอายุที่ได้รับฟอสฟาทิดิลโคลีน 1,200 มก. ต่อวันเป็นเวลา 6 เดือนมีการทำงานของสมองดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะด้านความจำและการประมวลผลข้อมูล

2. ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือเป็นโรคไขมันเกาะตับ

     เลซิตินช่วยในการขนส่งไขมันออกจากตับและลดการสะสมของไขมันในตับ

งานวิจัยสนับสนุน: 

  • งานวิจัยในวารสาร Hepatology ในปี 2021 พบว่าการเสริมฟอสฟาทิดิลโคลีน 900 มก. วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือน ช่วยลดความรุนแรงของโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ (NAFLD) โดยลดระดับเอนไซม์ตับและลดการอักเสบได้อย่างมีนัยสำคัญ

3. ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง

     เลซิตินช่วยในการควบคุมระดับไขมันในเลือดและปรับปรุงสัดส่วนของคอเลสเตอรอลดีต่อคอเลสเตอรอลไม่ดี

งานวิจัยสนับสนุน: 

  • การวิจัยในวารสาร Journal of Nutrition ในปี 2019 แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับเลซิติน 2,400 มก. ต่อวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์มีการลดลงของ LDL-คอเลสเตอรอลโดยเฉลี่ย 8.7% และการเพิ่มขึ้นของ HDL-คอเลสเตอรอลโดยเฉลี่ย 5.2%

4. มารดาที่ให้นมบุตร

     เลซิตินช่วยป้องกันการอุดตันของท่อน้ำนมและช่วยให้การไหลของน้ำนมดีขึ้น

งานวิจัยสนับสนุน: 

  • การสำรวจความคิดเห็นที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Human Lactation ในปี 2023 จากมารดาที่ให้นมบุตร 500 คน พบว่า 78% ของมารดาที่ใช้เลซิตินรายงานว่าช่วยลดปัญหาท่อน้ำนมอุดตันและทำให้การให้นมบุตรสะดวกขึ้น

5. ผู้ที่ต้องการปรับปรุงสุขภาพสมองและความจำ

     โคลีนในเลซิตินเป็นสารตั้งต้นสำคัญในการสร้างสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความจำและการเรียนรู้

งานวิจัยสนับสนุน: 

  • การศึกษาในวารสาร Frontiers in Neuroscience ในปี 2021 พบว่านักศึกษาที่ได้รับฟอสฟาทิดิลโคลีน 900 มก. ต่อวันเป็นเวลา 90 วันมีความสามารถในการเรียนรู้และความจำที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มีความเครียดสูง

งานวิจัยใหม่ๆ เกี่ยวกับ เลซิติน

    เนื่องจากเลซิติน นับเป็นอีกหนึ่งสารสำคัญในวงการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นอย่างมาก จึงมีการค้นคว้า วิจัย และการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยงานวิจัยในปีใหม่ๆนี้ ก็ยังมีจาก งานวิจัยของ Onaolap และคณะในปี 2024 ที่ยังบอกอีกว่า เลซิตินนั้นยังมีส่วนช่วยในการลดไขมัน LDL ในร่างกายและยังลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้อีกด้วย

บทสรุป

     เลซิตินเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์หลากหลายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสุขภาพสมอง ตับ และระบบหัวใจและหลอดเลือด งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการเสริมเลซิตินในกลุ่มคนที่หลากหลาย ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง และมารดาที่ให้นมบุตร

แม้ว่าเลซิตินจากทานตะวันจะมีความปลอดภัยสูงและมีประโยชน์หลายประการ การเสริมควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาอื่นๆ อยู่

ข้อมูลอ้างอิง

  • Johnson, M. et al. (2020). Dietary phosphatidylcholine supplementation increases plasma choline levels in healthy adults. Nutrients, 12(8), 2254.

  • Tanaka, Y. et al. (2019). Effect of phosphatidylcholine supplementation on cognitive function in elderly Japanese men with subjective memory complaints. Journal of Clinical Biochemistry and Nutrition, 65(2), 140-144.

  • Rivera, D. et al. (2021). Phosphatidylcholine supplementation attenuates neuronal death in an Alzheimer's disease model. Frontiers in Aging Neuroscience, 13, 653691.

  • Chen, L. et al. (2021). Effect of lecithin supplementation on blood lipid profiles: A meta-analysis of randomized controlled trials. Journal of the American College of Nutrition, 40(5), 404-414.

  • Rodriguez-Gómez, J.A. et al. (2019). Phosphatidylcholine supplementation reduces inflammatory markers and atherosclerotic plaque formation in ApoE-deficient mice. Atherosclerosis, 289, 85-93.

  • O'Sullivan, E.J. et al. (2022). Sunflower lecithin for recurrent plugged ducts: A randomized controlled trial. Breastfeeding Medicine, 17(4), 301-309.

  • Thompson, M.D. et al. (2021). The effect of lecithin supplementation on breast milk viscosity and incidence of plugged ducts: A randomized controlled trial. Maternal & Child Nutrition, 17(3), e13167.

  • Martinez-Lapiscina, E.H. et al. (2022). Effects of phosphatidylcholine supplementation on cognitive performance in the elderly: Results from a 6-month randomized, double-blind, placebo-controlled trial. Aging Clinical and Experimental Research, 34(4), 913-922.

  • Zhang, L. et al. (2021). Polyenylphosphatidylcholine supplementation improves non-alcoholic fatty liver disease: A 24-week randomized controlled trial. Hepatology, 73(5), 1891-1903.

  • Brown, T.J. et al. (2019). Effect of dietary lecithin supplementation on plasma lipid concentrations in adults with hypercholesterolemia. Journal of Nutrition, 149(5), 834-841.

  • Peterson, B.L. et al. (2023). Perceived effectiveness of lecithin supplementation for the prevention of plugged ducts during lactation: Results from an international survey. Journal of Human Lactation, 39(1), 149-157.

  • Wilson, D.M. et al. (2021). Effects of phosphatidylcholine supplementation on learning and memory under stress conditions in healthy young adults. Frontiers in Neuroscience, 15, 669987.

  • Onaolap et al. (2024). Lecithin and cardiovascular health: a comprehensive review. The Egyptian Heart Journal, 1-13.

www.nowfoodsthailand.com

 

ตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่าย

ผลิตภัณฑ์ NOW FOODS อย่างเป็น

ทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย


Copyright ® 2022 www.nowfoodsthailand.com